ทุกวันนี้เวลาที่เราสงสัยอะไร อยากซื้อสินค้า หรือหาสถานที่…หลายคนเริ่มใช้ A.I หรือแม้แต่ใน Iphone และ Samsung ยังมีระบบค้นหาด้วย A.I แต่รู้หรือไม่ ? ระบบเหล่านั้นต้องพึ่งพา “ข้อมูลจากเว็บไซต์” การทำ SEO จึงไม่เพียงเป็นการสร้างความน่าเชื่อถือ แต่ยังช่วยให้ผู้คนได้เห็นเนื้อหาของเว็บไซต์ธุรกิจมากยิ่งขึ้น พร้อมดันเว็บไซต์ขึ้นไปติดอันดับในหน้าแรก
ในยุคนี้การทำ “SEO Keyword” จึงยังเป็นองค์ประกอบสำคัญของเว็บไซต์ และในบทความนี้ Metier Thailand เราจะพาไปรู้จักกับ SEO Keyword คืออะไร สำคัญอย่างไร และเลือกใช้งานแบบไหนถึงจะได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ
SEO Keyword คืออะไร?

สำหรับคนที่เริ่มทำ SEO เราอาจจะต้องมาดูที่ความหมายกันก่อนว่ามันคืออะไร โดย SEO Keyword หรือ Keyword (คีย์เวิร์ด) คือ คำหรือกลุ่มคำ ที่คนใช้ค้นหาคำตอบจาก Search Engine อย่าง Google ที่เราใช้หาข้อมูลที่สนใจกันบ่อย ๆ แล้ว Google ก็จะแสดงข้อมูลหรือเว็บไซต์ที่สอดคล้องกับคำที่ค้นหามาให้เรา โดยสำหรับธุรกิจที่มีเว็บไซต์หรือกำลังต้องการจะทำเว็บของตนเอง SEO Keyword จะช่วยนำเสนอเว็บไซต์ของแบรนด์ให้ลูกค้าเห็นได้มากขึ้น เหมือนการทำโฆษณาแบบ Organic นั่นเอง
SEO Keyword สำคัญต่อเว็บไซต์
หากคุณเลือกใช้ SEO Keyword ที่สามารถตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายได้ สิ่งนี้จะช่วยให้ Search Engine ของ Google เข้าใจโครงสร้างและเนื้อหาเพื่อเป็นสะพานทอดให้เว็บไซต์ขึ้นไปติดอันกับแรก ๆ อีกทั้งยังช่วยเพิ่ม Traffic เปิดโอกาสให้คนเจอเว็บไซต์ รู้จักแบรนด์ จนสามารถสร้างรายได้เพิ่มโอกาสการขายสินค้า/บริการมากขึ้น
Keyword 9 ประเภทที่คนทำ SEO ควรรู้

หลังจากที่รู้ว่า SEO Keyword คืออะไร สำคัญอย่างไรกับเว็บไซต์ การทำ SEO เราต้องรู้ Search Intent ก่อนว่ากลุ่มเป้าหมายกำลังมองหาอะไร แล้วเราจะเลือกใช้ SEO Keyword แบบไหนที่สามารถตอบสนองตรงใจพวกเขาได้ ซึ่งเราได้สรุปออกมาได้ 2 กลุ่มหลัก ๆ และมี Keyword อยู่ 9 ประเภท ดังนี้
🔎 กลุ่ม SEO Keyword ที่แบ่งตาม Search Volume
เป็นคีย์เวิร์ดที่ได้มาจากปริมาณการค้นหา (Search Volume) แสดงให้เรารู้ว่าคีย์เวิร์ดที่เรากำลังจะทำมีจำนวนคู่แข่งเยอะหรือไม่ ซึ่งแบ่งออกได้ 3 ประเภท ดังนี้
1.Short Keywords
: คำสั้น ๆ กระชับเกี่ยวข้องกับสินค้า/บริการของเว็บไซต์ มีความหมายค่อนข้างกว้างและมีปริมาณการค้นหา (Search Volume) ที่สูง ส่งผลให้มีจำนวนคู่แข่งที่เยอะ และอาจผิดจาก Intent ที่เราอยากให้กลุ่มเป้าหมายมาเจอ เหมาะที่จะใช้เพื่อต้องการเพิ่มปริมานการเข้าชมเว็บไซต์จาก User ตัวอย่างเช่น ช่วงนี้คนสนใจเรื่องมัทฉะ เรามีเว็บไซต์และทำธุรกิจเกี่ยวกับมัทฉะหรือชาเขียว
ดังนั้น Short Keyword ที่คนจะค้นหาอย่างแรกอาจจะเป็นคำว่า “มัทฉะ” “Matcha” หรือ “ชาเขียว”
2.Long-tail Keywords
: ประโยคที่มีจำนวน 3-4 พยางค์ เป็นคำที่เพิ่ม/ขยาย Short Keyword ขึ้นมาเล็กน้อยและมีปริมาณ Search Volume ปานกลาง - น้อย ดังนั้น SEO Keyword ประเภทนี้จะมีความเจาะจงมากขึ้นและมีคู่แข่งน้อยลงเช่นกัน เหมาะที่จะใช้ดึงดูดผู้ที่ต้องการค้นหาคอนเทนต์ที่เฉพาะเจาะจง ชัดเจน และสร้าง Conversion ตัวอย่างเช่น เรามีเว็บไซต์และทำธุรกิจเกี่ยวกับมัทฉะหรือชาเขียว แต่ต้องการที่เลี่ยงการใช้คำที่มี Search Volume
ดังนั้น Long-tail Keyword อาจจะเป็นคำว่า “มัทฉะน้ำมะพร้าว” “Matcha Latte” หรือ “ชาเขียวกับเพียวมัทฉะ”
3.Niche Keywords
: คีย์เวิร์ดนี้นับว่าเป็น Long-tail Keywords อีกรูปแบบหนึ่ง แตกต่างกันตรงที่ Niche Keywords เป็นคำที่มีตั้งแต่ 4 พยางค์ขึ้นไป มีเนื้อหาเฉพาะเจาะจง บ่งบอกถึงสินค้า/บริการของธุรกิจชัดเจน ซึ่งมีปริมาณ Search Volume ที่น้อยมาก แต่ถ้ามีคนค้นหาตรงกับ Niche Keyword ที่เราเลือกใช้ มันจะช่วยเพิ่ม Traffic เว็บไซต์และมีโอกาสที่จะตอบโจทย์ผู้ใช้ เหมาะที่จะใช้กับเว็บไซต์ที่ต้องการดึงดูด Target ที่มีความสนใจสูง ตัวอย่างเช่น ช่วงนี้เทรนด์มัทฉะกำลังมาแรง ในขณะเดียวกันก็มีแทรนด์ใส่ใจเรื่องสุขภาพ
ดังนั้น Niche Keyword อาจจะเป็นคำว่า “มัทฉะน้ำมะพร้าวแคลน้อย” หรือ “แจกสูตรชาเขียวนมโอ๊ต”
🔎 กลุ่ม SEO Keyword ที่แบ่งตาม Search Intent
เป็นคีย์เวิร์ดที่แยกตามเจตนาของผู้ใช้เอง (Search Intent) โดยเป็นคำที่แสดงถึงจุดประสงค์หรือสิ่งที่บุคคลต้องการคำตอบ โดยแบ่งออกได้ 6 ประเภท ดังนี้
4.Branded Keywords
: คีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับตัวธุรกิจเป็นหลัก ส่วนใหญ่จะเป็นชื่อแบรนด์ ซึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อมีคนที่ต้องการจะทำความรู้จักธุรกิจหรือรู้จักอยู่แล้ว โดยเข้าไปค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจโดยเฉพาะ เหมาะที่จะใช้เพิ่ม Brand Awareness และลดความเสี่ยงจากการแข่งขันกับคู่แข่ง ตัวอย่างเช่น คาเฟ่มัทฉะ MeKinMeTea, ผงชาเขียว ChanLuckChaท เป็นต้น
5.Product Keywords
: คีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับสินค้า/บริการของธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็น รุ่น ยี่ห้อ ลักษณะ และอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับสินค้า/บริการ ช่วยให้คนรู้จักและเข้าใจแบรนด์มาดขึ้น อีกทั้ง Product Keyword ยังมีส่วนทำให้ Google bot เข้าใจเว็บไซต์หรือ Blog ของแบรนด์มากยิ่งขึ้น เหมาะที่จะใช้กับเว็บไซต์ที่ขายสินค้าบนช่องทางออนไลน์ หรือแบรนด์ที่ต้องการเพิ่มยอดขายสินค้า/บริการ ตัวอย่างเช่น ชุดชงชา, เค๊กมัทฉะ, เพียวมัทฉะและผงชาเขียว เป็นต้น
6.Commercial Keywords
: คำที่คนใช้ค้นหาก่อนที่จะติดสินใจซื้อสินค้าหรือใช้บริการ เป็นคำที่มีความเฉพาะเจาะจงมีรายละเอียดข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับแบรนด์ ชื่อสินค้า/บริการ ราคา สถานที่ เป็นต้น ซึ่งการเลือกใช้ Commercial Keyword ที่ตรงใจกลุ่มเป้าหมายมีโอกาสที่จะกลายเป็นลูกค้าสูง เหมาะที่จะใช้ตอนทำ Blog รีวิวหรือเว็บไซต์ Affiliate Marketing ตัวอย่างเช่น ผงมัทฉะนำเข้าราคาไม่เกิน 2,000, ร้านซูชิใกล้ BTS อารีย์, โปรฯ รองเท้าวิ่ง ASICS NOVABLAST 4 เป็นต้น
7. Information Keywords
: คำค้นหาสำหรับคนที่ต้องการหาข้อมูล ความรู้ วิธีการทำ หรือข้อแนะนำเกี่ยวกับสิ่งที่ตนเองสนใจ ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเป็นรูปแบบคำถามหรือ How to เหมาะที่จะใช้กับเว็บไซต์ที่จะเขียน Blog หรือทำ Content Marketing เพื่อที่จะเพิ่ม Traffic ให้กับเว็บไซต์ ตัวอย่างเช่น ประโยชน์ของมัทฉะ, Sushiro กับ Katsu Midori ต่างกันตรงไหน, รองเท้าวิ่งยี่ห้อไหนดี 2025 เป็นต้น
8.Transactional Keywords
: คีย์เวิร์ดที่สื่อถึงความตั้งใจที่จะซื้อสินค้า/บริการในขณะนั้น ซึ่งคนส่วนใหญ่มักทำเป็นขั้นตอนสุดท้าย ซึ่งคีย์เวิร์ดประเภทนี้ เหมาะที่จะใช้อยู่ในหน้า Landing Page และเว็บไซต์ E-commerce เป็นคำที่ไว้ในการปิดการขาย ตัวอย่างเช่น ซื้อผงมัทฉะพรีเมียมออนไลน์, จองที่นั่งออนไลน์ Sushiro สาขา La Villa Ari, สมัคร Member ASICS เป็นต้น
9.Navigational Keywords
: คำค้นหาที่เจาะจงไปยังเว็บไซต์ของแบรนด์โดยตรง แสดงถึงความตั้งใจของผู้ใช้ที่ต้องการเข้าไปหน้าเว็บไซต์นั้น ๆ เพื่อค้นหาคำตอบบางอย่างให้แก่ตนเอง เหมาะที่จะใช้กับแบรนด์ที่ต้องการให้ลูกค้าค้นหาเว็บไซต์ของตนเองเจอได้ง่ายขึ้น ตัวอย่างเช่น MeKinMeTea เว็บไซต์, Sushiro เมนูแนะนำเดือนนี้, บทความรองเท้าวิ่ง ASICS เป็นต้น
*การทำ SEO ยังมี Keyword อีกหลายประเภท ซึ่งบทความนี้เราได้ยกตัวอย่างประเภทที่สำคัญและจำเป็นต่อการทำ SEO มาให้คุณได้รู้จัก
Keyword Research คืออะไร?
เมื่อรู้จัก SEO Keyword แต่ละประเภทแล้ว ขั้นตอนต่อมาคือดูว่าจะเลือกใช้อย่างไรให้ตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย ด้วยการทำ Keyword Research หรือการค้นหา วิเคราะห์ และเลือกคีย์เวิร์ดที่ผู้ใช้งานจะค้นหาในเบราเซอร์
โดย SEO Keyword ที่ดีจะช่วยดันเว็บไซต์ของคุณขึ้นไปติดอันดับที่สูงขึ้นใน Google และยังช่วยดึงดูดกลุ่มเป้าหมายที่กำลังมองหาข้อมูลสินค้า/บริการได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเราสามารถใช้โปรแกรมเครื่องมือต่าง ๆ ในการทำ Keyword Research เพื่อให้เราสามารถวิเคราะห์ข้อมูลได้ถูกต้องและแม่นยำ

เครื่องมือค้นหา SEO Keyword ยอดนิยม
สำหรับเครื่องมือที่ใช้สำหรับค้นหาและวิเคราะห์คีย์เวิร์ดต่าง ๆ (Keyword Research Tools) ที่คนทำ SEO หลายคนนิยมใช้กัน อย่างเช่น
- Ahrefs : เครื่องมือ SEO ที่มีฐานข้อมูลขนาดใหญ่ มีฟังก์ชัน Keyword Explorer ที่ช่วยตรวจเช็กและแนะนำถึงระดับความยากของการใช้ Keyword และ Search Volume
- SEMrush : อีกหนึ่งเครื่องมือในการค้นหาคีย์เวิร์ด ที่ช่วยวิเคราะห์พร้อมให้ข้อมูลการแข่งขันแต่ละคีย์เวิร์ด มีฟังก์ชัน Keyword Magic Tool ที่ช่วยหา Long-tail Keywords
- Ubersuggest : ถือเป็นเครื่องมือที่ใช้งานง่ายอีกตัวเลือก เหมาะสำหรับมือใหม่ที่กำลังจะทำ SEO เพราะช่วยวิเคราะห์คีย์เวิร์ดจาก Google Suggest ได้มีมีประสิทธิภาพ และมี UI ที่ใช้ง่าย
- Moz Keyword Explorer : เครื่องมือตัวนี้มีการให้คะแนนความยากของ Keyword และ CTR (Click-Through Rate) มีฟังก์ชัน Priority Score ช่วยเลือก Keyword ที่เหมาะสม
- Google Keyword Planner : เครื่องมือการทำ SEO ยอดนิยม (ของฟรีที่ดีที่สุด) : ซึ่งช่วยแสดง Search Volume และแนวโน้มของคีย์เวิร์ด (ต้องจ่ายเงินเพื่อที่จะดูกราฟแสดงทิศทางแนวโน้มของคีย์เวิร์ด)
*เครื่องมือที่ใช้ในการค้นหาคีย์เวิร์ดต่าง ๆ ใช้เวลาในการอัปเดตข้อมูลค่อนข้างนาน เนื่องจากต้องใช้เวลาประมวลผลจาก Google ก่อน ยกเว้น Google Keyword Planner
Google Keyword Planner คือเครื่องมือที่ดีที่สุด
บทความนี้เราจะขอแนะนำ Google Keyword Planner หนึ่งในเครื่องมือที่คนทำ SEO และนักการตลาดหลายคนนิยมใช้กัน เพราะ…
- มีข้อมูลที่แม่นยำที่สุด เพราะดึงข้อมูลมาจาก Google โดยตรง
- ใช้งานง่ายและฟรี! เพียงแค่มี Google Ads account
- ช่วยวางแผนในการใช้ Keyword และ PPC (Pay Per Click)
- แสดง Search Volume จริงและมีระยะเวลาการอัปเดตที่รวดเร็ว
“Google Keyword Planner คือตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด คีย์เวิร์ดที่ใช่ ข้อมูลที่ถูกต้อง ส่งตรงมาจาก Google ”
SEO Keyword ใช้ยังไงให้เกิดประสิทธิภาพ

เมื่อเราค้นหา วิเคราะห์ และตัดสินใจเลือกคีย์เวิร์ดที่ต้องการจากการทำ Keyword Research ต่อมาคือการนำไปใช้ต่อ ซึ่งการใช้คีย์เวิร์ดที่ถูกต้องและมีประสิทธิภาพ เราควรโฟกัสไปที่ Long-tail Keyword พร้อมกับปรับแต่งให้ดูเป็นธรรมชาติ อ่านง่าย และมีเนื้อหาที่เป็นประโยชน์ต่อกลุ่มกลุ่มเป้าหมายก่อน
ซึ่งการใช้ SEO Keyword ไม่ได้หมายถึงการเลือกใช้คำที่ถูกต้องเพียงอย่างเดียว แต่เราควรรู้เรื่องตำแหน่งการวางหรือจุดที่ควรใส่ Keyword ในส่วนต่าง ๆ ของเว็บไซต์หรือ Blog เพื่อให้ Search Engine และผู้ใช้สามารถเข้าใจเนื้อหาได้ง่ายที่สุด
ตำแหน่งที่ควรใส่ Keyword
- SEO title หรือ Title Tag ควรใส่ SEO Keyword ช่วงต้นประโยคให้ Google เข้าใจว่าเป็นชื่อเรื่อง
- Meta description ช่วยให้ระบบเข้าว่าเว็บไซต์หรือ Blog มีเนื้อหาเกี่ยวกับอะไร ควรใส่ Keyword อย่างน้อย 1 ครั้งตรงส่วนใหนก็ได้ แต่ห้ามอยู่ตำแหน่งเดียวกับ Title Tag

- URL ของเว็บไซต์แนะนำให้ใช้คีย์เวิร์ดที่กระชับและมีเครื่องหมาย “-” เช่น [Brand name].com/ purematcha - Benefit and favor
- Heading tag (H1-H6) เป็นโครงสร้างในเว็บและ Blog ที่ช่วยให้ระบบ Google และผู้ใช้เข้าใจเนื้อหา ควรใส่ SEO Keyword ตอนต้นประโยค H1 เสมอ และกระจาย keywords ที่มีความเกี่ยวข้องหรือใกล้เคียงใน H2 H3 และตัวเนื้อหาคอนเทนต์

- Alt text ของรูปภาพ คำอธิบายของรูปภาพที่มี Keyword รวมอยู่ด้วยช่วยให้ Google เข้าใจว่าภาพในเว็บไซต์หรือ Blog เกี่ยวกับอะไร และช่วยสำหรับการทำ SEO บน Google Image Search

ข้อควรระวังของการใช้ SEO Keyword
ถึงแม้ว่า SEO Keyword จะเป็นหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้เว็บไซต์ติดอันดับ แต่ถ้าเราใช้อย่างไม่ถูกวิธีอาจส่งผลเสียที่ไม่ดีต่อการจัดอันดับและทำให้ผู้ใช้งานเว็บไซต์ได้รับประสบการณ์ที่ไม่ดีเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น การเลือกใช้ Keyword ที่มี Search Volume และการแข่งขันที่สูง, ใช้ Keyword ที่ไม่ตรงกับ Search Intent ของผู้ใช้งาน อาจทำให้เว็บไซต์พลาดโอกาสต่อกลุ่มเป้าหมาย, การใส่ Keyword มากเกินไปทำให้ Google มองว่าคุณกำลังสแปม เป็นต้น
ดังนั้น การทำ SEO เราควรระวังข้อผิดพลาดเหล่านี้ที่อาจจะส่งผลทำให้เว็บไซต์หรือ Blog ไม่มีประสิทธิภาพจนทำให้ระบบ Search Engine ของ Google ลงโทษเราได้

สรุป
SEO Keyword คือคำ/วลี ที่มาจากการพิมพ์ค้นหาของคนที่ต้องการหาคำตอบ ซึ่งสำหรับมือใหม่ SEO ควรเน้นไปที่ Long-tail Keywords และ Niche Keywords ที่ตรงจุดประสงค์ของเนื้อเว็บไซต์ และตรงใจกลุ่มเป้าหมายเพื่อเพิ่มโอกาสในการติดอันดับ อีกทั้งการสร้างเนื้อหาที่เป็นประโยชน์และเป็นมิตรต่อผู้ใช้งาน
บทความ “รู้จัก SEO Keyword หัวใจสำคัญที่มือใหม่ควรรู้ ถ้าอยากให้เว็บ Go to No.1” นี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการทำให้เว็บไซต์ขึ้นไปติดอันดับในหน้าแรก Google ซึ่งยังมีเทคนิคการปั้น SEO อีกมากมายหลายรูปแบบที่จะดันให้เว็บไซต์ติดอันดับ
หากธุรกิจหรือแบรนด์ใดต้องการที่จะทำ SEO แต่ไม่อยากเปลืองเวลาในการค้นหาคีย์เวิร์ดหรือไม่แน่ใจว่าจะเริ่มทำ SEO อย่างไร Metier Thailand เรามีทีมผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมช่วยเหลือ ให้คำปรึกษาการทำ SEO พาให้เว็บไซต์ธุรกิจติดอันดับภายใน 90 วัน สนใจติดต่อสอบถามและ ติดตามไอเดียข่าวสารใหม่ ๆ พูดคุยกับเราได้ที่ Facebook Metier Thailand หรืออีเมล info@metierthailand.com หรือที่ลิงก์นี้ https://metierthailand.com/th/contact-us
แหล่งอ้างอิง
#6-primary-keywords">https://surferseo.com/blog/keyword-types/#6-primary-keywords