GO BACK

รู้จัก SEO Keyword หัวใจสำคัญที่มือใหม่ควรรู้ ถ้าอยากให้เว็บ Go to No.1

Date: 07/03/25
Duration: 5 min
Keyword SEO ที่มือใหม่ควรรู้จัก

ทุกวันนี้เวลาที่เราสงสัยอะไร อยากซื้อสินค้า หรือหาสถานที่…หลายคนเริ่มใช้ A.I หรือแม้แต่ใน Iphone และ Samsung ยังมีระบบค้นหาด้วย A.I แต่รู้หรือไม่ ? ระบบเหล่านั้นต้องพึ่งพา “ข้อมูลจากเว็บไซต์” การทำ SEO จึงไม่เพียงเป็นการสร้างความน่าเชื่อถือ แต่ยังช่วยให้ผู้คนได้เห็นเนื้อหาของเว็บไซต์ธุรกิจมากยิ่งขึ้น พร้อมดันเว็บไซต์ขึ้นไปติดอันดับในหน้าแรก  

ในยุคนี้การทำ “SEO Keyword” จึงยังเป็นองค์ประกอบสำคัญของเว็บไซต์ และในบทความนี้ Metier Thailand เราจะพาไปรู้จักกับ SEO Keyword คืออะไร สำคัญอย่างไร และเลือกใช้งานแบบไหนถึงจะได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ

SEO Keyword คืออะไร?

0644d251-c3f1-43f0-b6f2-a42671a21b0f.png

สำหรับคนที่เริ่มทำ SEO เราอาจจะต้องมาดูที่ความหมายกันก่อนว่ามันคืออะไร โดย SEO Keyword หรือ Keyword (คีย์เวิร์ด) คือ คำหรือกลุ่มคำ ที่คนใช้ค้นหาคำตอบจาก Search Engine อย่าง Google ที่เราใช้หาข้อมูลที่สนใจกันบ่อย ๆ แล้ว Google ก็จะแสดงข้อมูลหรือเว็บไซต์ที่สอดคล้องกับคำที่ค้นหามาให้เรา โดยสำหรับธุรกิจที่มีเว็บไซต์หรือกำลังต้องการจะทำเว็บของตนเอง SEO Keyword จะช่วยนำเสนอเว็บไซต์ของแบรนด์ให้ลูกค้าเห็นได้มากขึ้น เหมือนการทำโฆษณาแบบ Organic นั่นเอง

SEO Keyword สำคัญต่อเว็บไซต์

หากคุณเลือกใช้ SEO Keyword ที่สามารถตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายได้ สิ่งนี้จะช่วยให้ Search Engine ของ Google เข้าใจโครงสร้างและเนื้อหาเพื่อเป็นสะพานทอดให้เว็บไซต์ขึ้นไปติดอันกับแรก ๆ อีกทั้งยังช่วยเพิ่ม Traffic เปิดโอกาสให้คนเจอเว็บไซต์ รู้จักแบรนด์ จนสามารถสร้างรายได้เพิ่มโอกาสการขายสินค้า/บริการมากขึ้น

Keyword 9 ประเภทที่คนทำ SEO ควรรู้

Body2 - SEO Keyword.png

หลังจากที่รู้ว่า SEO Keyword คืออะไร สำคัญอย่างไรกับเว็บไซต์ การทำ SEO เราต้องรู้ Search Intent  ก่อนว่ากลุ่มเป้าหมายกำลังมองหาอะไร แล้วเราจะเลือกใช้ SEO Keyword แบบไหนที่สามารถตอบสนองตรงใจพวกเขาได้ ซึ่งเราได้สรุปออกมาได้ 2 กลุ่มหลัก ๆ และมี Keyword อยู่ 9 ประเภท ดังนี้

🔎 กลุ่ม SEO Keyword ที่แบ่งตาม Search Volume

เป็นคีย์เวิร์ดที่ได้มาจากปริมาณการค้นหา (Search Volume) แสดงให้เรารู้ว่าคีย์เวิร์ดที่เรากำลังจะทำมีจำนวนคู่แข่งเยอะหรือไม่ ซึ่งแบ่งออกได้ 3 ประเภท ดังนี้

1.Short Keywords

: คำสั้น ๆ กระชับเกี่ยวข้องกับสินค้า/บริการของเว็บไซต์ มีความหมายค่อนข้างกว้างและมีปริมาณการค้นหา (Search Volume) ที่สูง ส่งผลให้มีจำนวนคู่แข่งที่เยอะ และอาจผิดจาก Intent ที่เราอยากให้กลุ่มเป้าหมายมาเจอ เหมาะที่จะใช้เพื่อต้องการเพิ่มปริมานการเข้าชมเว็บไซต์จาก User ตัวอย่างเช่น ช่วงนี้คนสนใจเรื่องมัทฉะ เรามีเว็บไซต์และทำธุรกิจเกี่ยวกับมัทฉะหรือชาเขียว

ดังนั้น Short Keyword ที่คนจะค้นหาอย่างแรกอาจจะเป็นคำว่า “มัทฉะ” “Matcha” หรือ “ชาเขียว”

2.Long-tail Keywords

: ประโยคที่มีจำนวน 3-4 พยางค์ เป็นคำที่เพิ่ม/ขยาย Short Keyword ขึ้นมาเล็กน้อยและมีปริมาณ  Search Volume ปานกลาง - น้อย ดังนั้น SEO Keyword ประเภทนี้จะมีความเจาะจงมากขึ้นและมีคู่แข่งน้อยลงเช่นกัน เหมาะที่จะใช้ดึงดูดผู้ที่ต้องการค้นหาคอนเทนต์ที่เฉพาะเจาะจง ชัดเจน และสร้าง Conversion ตัวอย่างเช่น เรามีเว็บไซต์และทำธุรกิจเกี่ยวกับมัทฉะหรือชาเขียว แต่ต้องการที่เลี่ยงการใช้คำที่มี Search Volume

ดังนั้น Long-tail Keyword อาจจะเป็นคำว่า “มัทฉะน้ำมะพร้าว” “Matcha Latte” หรือ “ชาเขียวกับเพียวมัทฉะ”

3.Niche Keywords

: คีย์เวิร์ดนี้นับว่าเป็น Long-tail Keywords อีกรูปแบบหนึ่ง แตกต่างกันตรงที่ Niche Keywords เป็นคำที่มีตั้งแต่ 4 พยางค์ขึ้นไป มีเนื้อหาเฉพาะเจาะจง บ่งบอกถึงสินค้า/บริการของธุรกิจชัดเจน ซึ่งมีปริมาณ Search Volume ที่น้อยมาก แต่ถ้ามีคนค้นหาตรงกับ Niche Keyword ที่เราเลือกใช้ มันจะช่วยเพิ่ม Traffic เว็บไซต์และมีโอกาสที่จะตอบโจทย์ผู้ใช้  เหมาะที่จะใช้กับเว็บไซต์ที่ต้องการดึงดูด Target ที่มีความสนใจสูง ตัวอย่างเช่น ช่วงนี้เทรนด์มัทฉะกำลังมาแรง ในขณะเดียวกันก็มีแทรนด์ใส่ใจเรื่องสุขภาพ

ดังนั้น Niche Keyword อาจจะเป็นคำว่า “มัทฉะน้ำมะพร้าวแคลน้อย” หรือ “แจกสูตรชาเขียวนมโอ๊ต”


🔎 กลุ่ม SEO Keyword ที่แบ่งตาม Search Intent

เป็นคีย์เวิร์ดที่แยกตามเจตนาของผู้ใช้เอง (Search Intent) โดยเป็นคำที่แสดงถึงจุดประสงค์หรือสิ่งที่บุคคลต้องการคำตอบ โดยแบ่งออกได้ 6 ประเภท ดังนี้

4.Branded Keywords

: คีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับตัวธุรกิจเป็นหลัก ส่วนใหญ่จะเป็นชื่อแบรนด์ ซึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อมีคนที่ต้องการจะทำความรู้จักธุรกิจหรือรู้จักอยู่แล้ว โดยเข้าไปค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจโดยเฉพาะ เหมาะที่จะใช้เพิ่ม Brand Awareness และลดความเสี่ยงจากการแข่งขันกับคู่แข่ง ตัวอย่างเช่น คาเฟ่มัทฉะ MeKinMeTea, ผงชาเขียว ChanLuckChaท เป็นต้น

5.Product Keywords

: คีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับสินค้า/บริการของธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็น รุ่น ยี่ห้อ ลักษณะ และอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับสินค้า/บริการ ช่วยให้คนรู้จักและเข้าใจแบรนด์มาดขึ้น อีกทั้ง Product Keyword ยังมีส่วนทำให้ Google bot เข้าใจเว็บไซต์หรือ Blog ของแบรนด์มากยิ่งขึ้น เหมาะที่จะใช้กับเว็บไซต์ที่ขายสินค้าบนช่องทางออนไลน์ หรือแบรนด์ที่ต้องการเพิ่มยอดขายสินค้า/บริการ ตัวอย่างเช่น ชุดชงชา, เค๊กมัทฉะ, เพียวมัทฉะและผงชาเขียว เป็นต้น

6.Commercial Keywords

: คำที่คนใช้ค้นหาก่อนที่จะติดสินใจซื้อสินค้าหรือใช้บริการ เป็นคำที่มีความเฉพาะเจาะจงมีรายละเอียดข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับแบรนด์ ชื่อสินค้า/บริการ ราคา สถานที่ เป็นต้น ซึ่งการเลือกใช้ Commercial Keyword ที่ตรงใจกลุ่มเป้าหมายมีโอกาสที่จะกลายเป็นลูกค้าสูง เหมาะที่จะใช้ตอนทำ Blog รีวิวหรือเว็บไซต์ Affiliate Marketing ตัวอย่างเช่น ผงมัทฉะนำเข้าราคาไม่เกิน 2,000, ร้านซูชิใกล้ BTS อารีย์, โปรฯ รองเท้าวิ่ง ASICS NOVABLAST 4 เป็นต้น

7. Information Keywords

: คำค้นหาสำหรับคนที่ต้องการหาข้อมูล ความรู้ วิธีการทำ หรือข้อแนะนำเกี่ยวกับสิ่งที่ตนเองสนใจ ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเป็นรูปแบบคำถามหรือ How to เหมาะที่จะใช้กับเว็บไซต์ที่จะเขียน Blog หรือทำ Content Marketing เพื่อที่จะเพิ่ม Traffic ให้กับเว็บไซต์ ตัวอย่างเช่น ประโยชน์ของมัทฉะ, Sushiro กับ Katsu Midori ต่างกันตรงไหน, รองเท้าวิ่งยี่ห้อไหนดี 2025 เป็นต้น

8.Transactional Keywords

: คีย์เวิร์ดที่สื่อถึงความตั้งใจที่จะซื้อสินค้า/บริการในขณะนั้น ซึ่งคนส่วนใหญ่มักทำเป็นขั้นตอนสุดท้าย ซึ่งคีย์เวิร์ดประเภทนี้ เหมาะที่จะใช้อยู่ในหน้า Landing Page และเว็บไซต์ E-commerce เป็นคำที่ไว้ในการปิดการขาย ตัวอย่างเช่น ซื้อผงมัทฉะพรีเมียมออนไลน์, จองที่นั่งออนไลน์ Sushiro สาขา La Villa Ari, สมัคร Member ASICS เป็นต้น

9.Navigational Keywords

: คำค้นหาที่เจาะจงไปยังเว็บไซต์ของแบรนด์โดยตรง แสดงถึงความตั้งใจของผู้ใช้ที่ต้องการเข้าไปหน้าเว็บไซต์นั้น ๆ เพื่อค้นหาคำตอบบางอย่างให้แก่ตนเอง เหมาะที่จะใช้กับแบรนด์ที่ต้องการให้ลูกค้าค้นหาเว็บไซต์ของตนเองเจอได้ง่ายขึ้น ตัวอย่างเช่น MeKinMeTea เว็บไซต์, Sushiro เมนูแนะนำเดือนนี้, บทความรองเท้าวิ่ง ASICS เป็นต้น

*การทำ SEO ยังมี Keyword อีกหลายประเภท ซึ่งบทความนี้เราได้ยกตัวอย่างประเภทที่สำคัญและจำเป็นต่อการทำ SEO มาให้คุณได้รู้จัก


Keyword Research คืออะไร?

เมื่อรู้จัก SEO Keyword แต่ละประเภทแล้ว ขั้นตอนต่อมาคือดูว่าจะเลือกใช้อย่างไรให้ตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย ด้วยการทำ Keyword Research หรือการค้นหา วิเคราะห์ และเลือกคีย์เวิร์ดที่ผู้ใช้งานจะค้นหาในเบราเซอร์ 

โดย SEO Keyword ที่ดีจะช่วยดันเว็บไซต์ของคุณขึ้นไปติดอันดับที่สูงขึ้นใน Google และยังช่วยดึงดูดกลุ่มเป้าหมายที่กำลังมองหาข้อมูลสินค้า/บริการได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเราสามารถใช้โปรแกรมเครื่องมือต่าง ๆ ในการทำ Keyword Research เพื่อให้เราสามารถวิเคราะห์ข้อมูลได้ถูกต้องและแม่นยำ

Body3 - SEO Keyword.png

เครื่องมือค้นหา SEO Keyword ยอดนิยม

สำหรับเครื่องมือที่ใช้สำหรับค้นหาและวิเคราะห์คีย์เวิร์ดต่าง ๆ (Keyword Research Tools) ที่คนทำ SEO หลายคนนิยมใช้กัน อย่างเช่น 

  • Ahrefs : เครื่องมือ SEO ที่มีฐานข้อมูลขนาดใหญ่ มีฟังก์ชัน Keyword Explorer ที่ช่วยตรวจเช็กและแนะนำถึงระดับความยากของการใช้ Keyword และ Search Volume
  • SEMrush : อีกหนึ่งเครื่องมือในการค้นหาคีย์เวิร์ด ที่ช่วยวิเคราะห์พร้อมให้ข้อมูลการแข่งขันแต่ละคีย์เวิร์ด มีฟังก์ชัน Keyword Magic Tool ที่ช่วยหา Long-tail Keywords
  • Ubersuggest : ถือเป็นเครื่องมือที่ใช้งานง่ายอีกตัวเลือก เหมาะสำหรับมือใหม่ที่กำลังจะทำ SEO เพราะช่วยวิเคราะห์คีย์เวิร์ดจาก Google Suggest ได้มีมีประสิทธิภาพ และมี UI ที่ใช้ง่าย
  • Moz Keyword Explorer : เครื่องมือตัวนี้มีการให้คะแนนความยากของ Keyword และ CTR (Click-Through Rate) มีฟังก์ชัน Priority Score ช่วยเลือก Keyword ที่เหมาะสม
  • Google Keyword Planner : เครื่องมือการทำ SEO ยอดนิยม (ของฟรีที่ดีที่สุด) : ซึ่งช่วยแสดง Search Volume และแนวโน้มของคีย์เวิร์ด (ต้องจ่ายเงินเพื่อที่จะดูกราฟแสดงทิศทางแนวโน้มของคีย์เวิร์ด)

*เครื่องมือที่ใช้ในการค้นหาคีย์เวิร์ดต่าง ๆ ใช้เวลาในการอัปเดตข้อมูลค่อนข้างนาน เนื่องจากต้องใช้เวลาประมวลผลจาก Google ก่อน ยกเว้น Google Keyword Planner

Google Keyword Planner คือเครื่องมือที่ดีที่สุด

บทความนี้เราจะขอแนะนำ Google Keyword Planner หนึ่งในเครื่องมือที่คนทำ SEO และนักการตลาดหลายคนนิยมใช้กัน เพราะ…

  • มีข้อมูลที่แม่นยำที่สุด เพราะดึงข้อมูลมาจาก Google โดยตรง
  • ใช้งานง่ายและฟรี! เพียงแค่มี Google Ads account 
  • ช่วยวางแผนในการใช้ Keyword และ PPC (Pay Per Click)
  • แสดง Search Volume จริงและมีระยะเวลาการอัปเดตที่รวดเร็ว

“Google Keyword Planner คือตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด คีย์เวิร์ดที่ใช่ ข้อมูลที่ถูกต้อง ส่งตรงมาจาก Google ”

SEO Keyword ใช้ยังไงให้เกิดประสิทธิภาพ

Body4 - SEO Keyword.png

เมื่อเราค้นหา วิเคราะห์ และตัดสินใจเลือกคีย์เวิร์ดที่ต้องการจากการทำ Keyword Research ต่อมาคือการนำไปใช้ต่อ ซึ่งการใช้คีย์เวิร์ดที่ถูกต้องและมีประสิทธิภาพ เราควรโฟกัสไปที่ Long-tail Keyword พร้อมกับปรับแต่งให้ดูเป็นธรรมชาติ อ่านง่าย และมีเนื้อหาที่เป็นประโยชน์ต่อกลุ่มกลุ่มเป้าหมายก่อน 

ซึ่งการใช้ SEO Keyword ไม่ได้หมายถึงการเลือกใช้คำที่ถูกต้องเพียงอย่างเดียว แต่เราควรรู้เรื่องตำแหน่งการวางหรือจุดที่ควรใส่ Keyword ในส่วนต่าง ๆ ของเว็บไซต์หรือ Blog เพื่อให้ Search Engine และผู้ใช้สามารถเข้าใจเนื้อหาได้ง่ายที่สุด

ตำแหน่งที่ควรใส่ Keyword

  • SEO title หรือ Title Tag ควรใส่ SEO Keyword ช่วงต้นประโยคให้ Google เข้าใจว่าเป็นชื่อเรื่อง
  • Meta description ช่วยให้ระบบเข้าว่าเว็บไซต์หรือ Blog มีเนื้อหาเกี่ยวกับอะไร ควรใส่ Keyword อย่างน้อย 1 ครั้งตรงส่วนใหนก็ได้ แต่ห้ามอยู่ตำแหน่งเดียวกับ Title Tag
733b910b-f8f7-4782-809b-109fb9200f3a.png
  • URL ของเว็บไซต์แนะนำให้ใช้คีย์เวิร์ดที่กระชับและมีเครื่องหมาย “-” เช่น [Brand name].com/ purematcha - Benefit and favor
  • Heading tag (H1-H6) เป็นโครงสร้างในเว็บและ Blog ที่ช่วยให้ระบบ Google และผู้ใช้เข้าใจเนื้อหา ควรใส่ SEO Keyword ตอนต้นประโยค H1 เสมอ และกระจาย keywords ที่มีความเกี่ยวข้องหรือใกล้เคียงใน H2 H3 และตัวเนื้อหาคอนเทนต์
c7b362c3-ce19-409d-b604-2437b7aa5095.png
  • Alt text ของรูปภาพ คำอธิบายของรูปภาพที่มี Keyword รวมอยู่ด้วยช่วยให้ Google เข้าใจว่าภาพในเว็บไซต์หรือ Blog เกี่ยวกับอะไร และช่วยสำหรับการทำ SEO บน Google Image Search
c5eabc9f-3b20-4407-acf4-897318a9ac9b.png

ข้อควรระวังของการใช้ SEO Keyword

ถึงแม้ว่า SEO Keyword จะเป็นหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้เว็บไซต์ติดอันดับ แต่ถ้าเราใช้อย่างไม่ถูกวิธีอาจส่งผลเสียที่ไม่ดีต่อการจัดอันดับและทำให้ผู้ใช้งานเว็บไซต์ได้รับประสบการณ์ที่ไม่ดีเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น การเลือกใช้ Keyword ที่มี Search Volume และการแข่งขันที่สูง, ใช้ Keyword ที่ไม่ตรงกับ Search Intent ของผู้ใช้งาน อาจทำให้เว็บไซต์พลาดโอกาสต่อกลุ่มเป้าหมาย, การใส่ Keyword มากเกินไปทำให้ Google มองว่าคุณกำลังสแปม เป็นต้น

ดังนั้น การทำ SEO เราควรระวังข้อผิดพลาดเหล่านี้ที่อาจจะส่งผลทำให้เว็บไซต์หรือ Blog ไม่มีประสิทธิภาพจนทำให้ระบบ Search Engine ของ Google ลงโทษเราได้

Body8 - SEO Keyword.png

สรุป

SEO Keyword คือคำ/วลี ที่มาจากการพิมพ์ค้นหาของคนที่ต้องการหาคำตอบ ซึ่งสำหรับมือใหม่ SEO ควรเน้นไปที่ Long-tail Keywords และ Niche Keywords ที่ตรงจุดประสงค์ของเนื้อเว็บไซต์ และตรงใจกลุ่มเป้าหมายเพื่อเพิ่มโอกาสในการติดอันดับ อีกทั้งการสร้างเนื้อหาที่เป็นประโยชน์และเป็นมิตรต่อผู้ใช้งาน 

บทความ “รู้จัก SEO Keyword หัวใจสำคัญที่มือใหม่ควรรู้ ถ้าอยากให้เว็บ Go to No.1” นี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการทำให้เว็บไซต์ขึ้นไปติดอันดับในหน้าแรก Google ซึ่งยังมีเทคนิคการปั้น SEO อีกมากมายหลายรูปแบบที่จะดันให้เว็บไซต์ติดอันดับ


หากธุรกิจหรือแบรนด์ใดต้องการที่จะทำ SEO แต่ไม่อยากเปลืองเวลาในการค้นหาคีย์เวิร์ดหรือไม่แน่ใจว่าจะเริ่มทำ SEO อย่างไร Metier Thailand เรามีทีมผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมช่วยเหลือ ให้คำปรึกษาการทำ SEO พาให้เว็บไซต์ธุรกิจติดอันดับภายใน 90 วัน สนใจติดต่อสอบถามและ ติดตามไอเดียข่าวสารใหม่ ๆ พูดคุยกับเราได้ที่ Facebook Metier Thailand หรืออีเมล info@metierthailand.com หรือที่ลิงก์นี้ https://metierthailand.com/th/contact-us

แหล่งอ้างอิง

#6-primary-keywords">https://surferseo.com/blog/keyword-types/#6-primary-keywords

https://backlinko.com/hub/seo/seo-keywords

https://yoast.com/search-intent/